จากหัวข้อ "ใครพออธิบายวิธีหุ้มผ้าเคฟล่าบ้าง มาเล่าให้ฟังหน่อย" ในบอร์ดเก่าน่ะครับ รับปากไว้ว่าจะกลับมาตอบแต่ดันลืมสนิท คราวนี้นึกขึ้นได้เลยจะอธิบายให้คร่าว ๆ นะครับ เพราะผมก็ทำเล่นเองเหมือนกัน ผมใช้ผ้าคาร์บอนไฟเบอร์นะครับ ไม่ใช่เคฟล่าร์ แต่ก็คุณลักษณะคล้าย ๆ กัน ต่างกันที่คุณสมบัติ ซื้ออุปกรณ์ครับมีดังนี้ - ผ้าคาร์บอนไฟเบอร์ ประมาณเมตรละ 1,600 แต่ขึ้นกับหน้ากว้างด้วยนะครับ - เรซิ่น (โพลีเอสเตอร์เรซิ่นนะครับ เพราะราคาไม่แพง บอกร้านเค้าว่าเอาไปทำพวกบอดี้รถ) ประมาณกิโลฯ ละ 100 นิด ๆ บาท แต่ถ้าจะทำบริเวณที่ต้องโดนความร้อนเยอะ ๆ เช่นฝากระโปรง ฝาครอบเครื่อง ปลอกท่อไอเสีย ฯ ควรใช้ Epoxy Resin แทน แต่ราคาแพงกว่าเยอะ แต่คุ้มครับ เพราะผมใช้โพลีเอสเตอร์เรซิ่นกันฝาครอบเครื่อง ใช้ไปไม่นานมันก็กรอบและเหลืองเลย (ให้นึกถึงพลาสติกที่โดนความร้อนมาก ๆ) - Cobalt (ตัวเร่งปฏิกิริยา) ประมาณ 30 กว่าบาท - Hardener (ตัวทำแข็ง) ประมาณ 30 กว่าบาท - แปรงทาสี ขนาดแปรงขึ้นกับขนาดของวัสดุที่จะทำครับ เลือกให้เหมาะ ๆ ถ้าเป็นมือใหม่ ควรเลือกของดี ๆ และหลาย ๆ อัน เพราะกันเจ๊งครับ เพราะถ้าคุณยังผสมสัดส่วนไม่คล่อง มันจะแข็งเร็วมาก และถ้าล้างอุปกรณ์ไม่ทัน ก็....โบกมือบ๊ายบายครับ ที่ให้เลือกของแพงหน่อยเพราะขนแปรงจะไม่ร่วงมาก จะได้ไม่ต้องมาพะวง - ไม้ไอติม เอาไว้คนสารต่าง ๆ - กระป๋อง เอาไว้ใส่สาร - Acetone ตัวทำละลาย เอาไว้ล้างอุปกรณ์ ประมาณกิโลฯ ละ 30 กว่าบาท - กระป๋องใส่ Acetone - น้ำยา PVA เป็นน้ำยาลอกแบบ ประมาณ....จำไม่ได้ แต่ไม่แพงครับ หรือถ้าต้องการงานเนียน ๆ ก็ใช้ Wax สำหรับลอกแบบได้ครบ ถามที่ร้านมีขายแน่นอน - กระดาษทรายน้ำเบอร์ 1000, 600, 360, 240, 100 ร้านที่ซื้ออุปกรณ์เป็นประจำชื่อ "เรซิ่นอาร์ต" อยู่เยื้อง ๆ ม.ศรีปทุม ถ้ามาจากเกษตรจะถึงก่อนนิดนึง อุปกรณ์เหมือนจะเยอะ แต่ขวดละเล็ก ๆ เอง แล้วซื้อมาทีก็ใช้ได้นาน ส่วนที่ใช้ไม่ได้นานก็คือเรซิ่น และผ้าคาร์บอนฯ คราวนี้มาเริ่มทำกันเล้ยยยยย..... สมมติว่าเราจะหุ้มผ้าคาร์บอนฯ ที่ฝากระโปรง (จริง ๆ ฝากระโปรงควรทำใหม่นะครับ ไม่ควรหุ้มทับของเดิม เพราะได้แค่สวย แต่ไม่มีประโยชน์ เพราะประโยชน์ที่แท้จริงของคาร์บอนไฟเบอร์ คือความแข็งและทนความร้อนสูง ส่วนคาร์บอนเคฟล่าร์จะแข็ง เหนียว ยืดหยุ่นกว่าคาร์บอนไฟเบอร์ และทนความร้อน และมีสีสันให้เลือกมากกว่า มันถึงแพงกว่าคาร์บอนไฟเบอร์ล่ะ) 1. ผสมเรซิ่นครับ โดยผสมเรซิ่น + ตัวเร่งปฏิกิริยา + ตัวทำแข็ง สำหรับสัดส่วนเวลาซื้อให้ถามคนขายให้ละเอียดนะครับ หรือขอสูตรตารางเค้ามาด้วยก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ใช้เรซิ่น 40 กรัม + ตัวเร่งปฏิกิริยา 2 หยด + ตัวทำแข็งประมาณ 10 หยด (จำนวนหยดขึ้นกับอุณหภูมิ เช่น ทำกลางวัน ทำกลางคืน ฯ แต่ไม่ต้องถึงกับเอาปรอทวัดก็ได้) 2. เมื่อผสมเสร็จแล้วก็รีบทาครับ รีบทาสุด ๆ อย่าใจเย็นครับ ส่วนต้องรีบแค่ไหนขึ้นกับสัดส่วนที่ผสมครับ ถ้ารู้สึกว่าน้ำยาข้นไปให้ซื้อน้ำยาชื่อ โมโนสไตรีน มาผสมครับ จะช่วยให้เหลวขึ้นลดความข้นได้ ขั้นตอนนี้ต้องพยายามทาให้เรียบเสมอกันทั้งฝากระโปรง ถ้ามีเครื่องพ่นก็ใชเครื่องพ่น 3. ถ้าคิดว่ามันไม่ค่อยเรียบให้หาลูกกลิ้ง คล้ายกับที่ใช้ทาสีบ้านน่ะครับ ทาให้เรียบแล้วทิ้งไว้สักพัก ส่วนจะนานแค่ไหนขึ้นกับสัดส่วนที่คุณผสมอะ ลองทิ้งไว้สัก 20 นาที แล้วเอานิ้วแตะเบา ๆ ถ้ายังเหลวอยู่ก็รอไปอีกนิด แล้วเอานิ้วแตะเบา ๆ อีก ถ้าหายเหลวแล้ว แต่ยังไม่แห้งสนิท คือมันจะเป็นรอยนิ้วมือที่คุณแตะไป และนิ้วคุณก็ไม่เลอะเทอะนัก ช่วงนี้เราเรียกว่า "Finger print" 4. ให้รีบเอาผ้าคาร์บอนไฟเบอร์ค่อย ๆ บรรจงหุ้มทับ วิธีตัดผ้าให้ใช้สก็อตช์เทป หรือเทปกาวแปะตามแนวยาวที่ต้องการตัด แล้วใช้กรรไกรคม ๆ ตัดทับรอยเทป เพื่อป้องกันผ้าย่น การหุ้มผ้าให้ค่อย ๆ ปูทีละนิด แล้วอย่าเพิ่งกดจนแน่น เดี๋ยวเบี้ยวแล้วจะดึงไม่ออก เมื่อวางผ้าดีแล้วให้จัดลายผ้าให้สวยงาม ค่อย ๆ ทำ จากนั้นให้ใช้ลูกกลิ้งยาง (ซื้อที่ร้านอีกนั่นแหละ) กดทับเพื่อไล่อากาศ ให้กดจากตรงกลางไล่ไปตามขอบ ๆ เรื่อย ๆ ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะถ้ามีอากาศอยู่มันจะไม่แข็งแรง ติดไม่แน่น และไม่เรียบ การหุ้มผ้า ควรให้มีชายผ้าเลยจากขอบวัสดุออกมาประมาณ 2 นิ้ว เมื่อ ทาเรซิ่นทับผ้าครั้งแรก รอให้อยู่ในระยะ "Finger print" จากนั้นใช้คัตเตอร์ หรือกรรไกรตัดออก ไม่ต้องใจร้อนพยายามให้เนียน ถ้าไม่เนียน เอาไว้ตอนเสร็จแล้วค่อยให้กระดาษทรายหรือเครื่องขัด ขัดก็ได้ อ้อ....... เวลาทำงาน อย่าทำในบ้าน ให้ทำในที่โล่ง อากาศโปร่ง แต่ไม่ใช่เจอแสงแดดแผดเผา และมีลมพัดมาเป่าข้าวของกระจาย และควรสวมถุงมือยาง (20 บาท ได้เกือบ 6 คู่) และมีผ้าปิดปาก สำหรับผ้าปิดปากควรชุบน้ำนิดนึง ให้หมาด ๆ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่อาจเล็ดลอด เพราะ น้ำยาเรซิ่นมีฤทธิ์เป็นกรด หากโดนเข้าให้ใช้สบู่ล้าง หรือถ้าหนัก ๆ ก็ใช้ผงซักฟอกก็ได้ แต่อย่าบ่อย เพราะมันจะกัด 5. ปูผ้าเรียบร้อยก็ผสมเรซิ่นอีก ถ้าเริ่มใหม่ ๆ ให้ผสมในสัดส่วนที่จะทำให้มันแข็งตัวช้า จากนั้นก็ทาเรซิ่นทับ ขั้นตอนนี้ก็อีกเช่นกันคือพยายามทาให้เรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่เรียบก็ช่างมันเดี๋ยวหากระดาษทรายขัดได้ หรือใช้แปรงลูกกลิ้งทาก็ได้ ทาไปสัก 3 ชั้น แต่ละชั้นให้ทิ้งเวลาจนมันแห้งสนิทแล้วค่อยทาใหม่ 6. ถ้ามันไม่เรียบ ไม่ต้องต้องใจ แต่ถ้าถึงขั้นหยาบกระด้าง ก็ควรตกใจได้ ทิ้งไว้จนแห้งสนิทสัก 1 คืน จากนั้นให้ใช้กระดาษทรายน้ำไล่ขัดตั้งแต่เบอร์ 100 -> 240 -> 360 -> 600 -> 1000 ถ้ากลัวมือหงิกก็หาเครื่องขัดกระดาษทรายมาใช้ ปกติผมก็ใช้เครื่องขัด (ยืมพี่มา) ขัดหยาบ ๆ ก่อน จากนั้นค่อยใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียดขัดต่อ 7. ลืมขั้นตอนสุดท้ายไปได้ ขัดเสร็จแล้วก็พ่นด้วยแล็กเกอร์เงาครับ แนะนำยี่ห้อ Leyland ครับ เงาสะใจดี กระป๋องละ 45 บาท แต่ต้องพ่นเก่ง ๆ นะครับ ผมเองพ่นไม่เก่งได้ซ่อมงานประจำ หรือไม่อยากได้เนียน ๆ ก็พอทำเสร็จก็ไปให้อู่สีพ่นแล็กเกอร์ให้ก็ได้ จะได้เรียบ ๆ เนียน ๆ แค่นี้เองครับ เสร็จละ สำหรับผมเป็นคนใจร้อน งานมักออกมาชุ่ย ๆ แต่ได้เครื่องขัดเลยช่วยได้เยอะ แต่เครื่องนึงก็ร่วม ๆ สองพัน ลองทำงานเล็ก ๆ ดูก่อนก็ได้ แล้วใช้กระดาษทราย Tips: ถ้าเรซิ่นเริ่มาเซ็ตตัว คือ เริ่มหนืด ๆ แล้ว อย่าทาทับเด็ดขาด ปล่อยให้มันแข็งแล้วค่อยใช้กระดาษทรายขัดแต่ง แล้วค่อยทาเรซิ่นทับต่อ และให้รีบแช่แปรงใน Acetone ทันที ไม่งั้นมันจะแข็ง และล้างไม่ออก โชคดีครับ......โฮ่ ๆๆๆๆๆ ยาวเหยียด แล้วไว้จะเข้ามาอธิบายวิธีทำชิ้นงานใหม่โดยใช้ไฟเบอร์กลาสแล้วหุ้มทับด้วยผ้าคาร์บอนไฟเบอร์ครับ
ผลงานชิ้นแรกของผมใช้เวลาทำเป็นเดือน สาเหตุเพราะใช้ไฟเบอร์ด้วย มีการทำต้นแบบ...แบบลูกทุ่ง มั่วเป็นเดือน ชิ้นงานเป็นไฟเบอร์กลาสแล้วหุ้มทุกด้านด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ที่เสียเวลานานมาก ๆ เพราะไม่มีอุปกรณ์สนับสนุน เช่น พวกเครื่องขัด สว่าน และไร้ฝีมือเรื่องงานช่าง แค่ทาเรซิ่นใช้แปรงธรรมดา ทายังไงก็ไม่เรียบ พอทำเสร็จใช้สเปรย์แล็กเกอร์พ่น ก็พ่นเสียซะแยะ กว่าจะโอเคก็เล่นเอาเหนื่อย โดยทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งแม่ ทั้งแฟน แซว เป็นเดือน ๆ อ้อ...สักเกตน็อตนะครับ ซื้อผิดครับ ดันเป็นน็อตเหล็ก โดนสนิมเกาะซะเลย ตอนนี้กำลังเดินหาซื้อน้ำยาเคลือบอยู่ เพราะขี้เกียจแกะออกมาแก้ {} ผลงานชิ้นที่สองจริง ๆ เสร็จก่อนชิ้นแรก แต่เริ่มทำทีหลัง สาเหตุที่ทำ เพราะเสียดายผ้า ผ้าเหลือ และอยู่ในระหว่างรอยืมอุปกรณ์จากพี่ เลยทำอันนี้เล่น ๆ ดูเผิน ๆ เหมือนดี แต่ด้านในค่อนข้างเละ กะว่าว่าง ๆ จะเอาออกมาแต่งอีกสักหน่อย {} ผลงานชิ้นที่สาม อันนี้เริ่มคล่องละ ผสมน้ำยา ทาเรซิ่น หุ้มผ้า ขัด พ่น เริ่มกระฉับกระเฉง ใช้เวลาไม่กี่วันก็เรียบร้อย แต่ข้างใต้ยังเน่านิดหน่อย เพราะอันนี้ประหยัดผ้า เลยหุ้มแค่ข้างบน ข้างล่างใช้เรซิ่นโป๊วผสมสีดำโป๊วทับ แต่ที่เละเพราะโป๊วไม่เป็นเลยไม่ค่อยเรียบ {} ผลงานล่าสุดกับคิ้ว อันนี้ทำเร็วมาก แป๊บเดียวเสร็จ แต่ดั๊นนนน.....จนได้....... ติดเบี้ยวสิครับพี่น้อง ดูจากในรูปจะดูไม่ค่อยออกครับ ต้องของจริง แต่ดูเผิน ๆ ก็ไม่ค่อยเห็น แต่ถ้าขับตอนกลางคืนเปิดไฟหน้าเมื่อไหร่ เห็นชัดเลย ตอนนี้เลยกำลังทำอันใหม่อยู่ เอาเก่าตอนเอาออกคงหัก เพราะทำไว้ค่อนข้างบาง {} ใครสนใจก็ลองหัดทำเล่น ๆ ดูนะครับ ตอนนี้ผมกำลังวางโปรเจ็คต์ใหม่ เขยิบไปทำอะไรแปลก ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับรถอยู่ ไว้เป็นไงแล้วจะเอามาให้ดูนะครับ อ้อ งานชิ้นแรกผมเป็นแผ่น Diffuser เอามันส์ แต่ไม่มีประโยชน์มาก เพราะรถผมไม่ได้แต่งแรงอะไรมาก ถ้าไปที่ร้านคงตีราคาสัก 6,000 - 10,000 ได้ เพราะหุ้มทั้งบนและล่าง แต่ค่าใช้จ่ายที่ผมใช้ไปก็ประมาณเกือบห้าพันได้ครับ ที่แพงเพราะเสียค่ามั่วครับ เสียแปรงไปเกือบสิบอัน ผสมเรซิ่นเสียไปหลายขวด ผ้าก็หุ้มผิดตอนแรก ทำให้ต้องหุ้มทับใหม่ ฯ ดังนั้นถ้าจะตีราคาจริง ๆ แบบงานหลัง ๆ ก็ใช้ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 2,500 ครับ ทำคล่อง ๆ น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 วันครับ
อ้อ....ผ้าผืนหนึ่ง เอาไปทำอะไรได้เยอะเลยครับ อย่างงานแรกทำจริง ๆ ก็ไม่เกิน 2,500 อะครับ แถมมีผ้าเหลือไว้ทำอะไรอย่างอื่นเล่นได้ด้วยครับ เช่น ที่รองแก้ว ฝาครอบล้อ ปกสมุด ฝาครอบโน้ตบุ๊ก ฯ จริง ๆ อยากถ่ายรูปตอนทำไว้เหมือนกันครับ แต่ไม่มีกล้องที่ถ่ายได้ทันใจ มีแต่กล้องฟิล์มแบบ SLR จะถ่ายแต่ละทีต้องปรับโน่นนี่ ก็เลยไม่ได้ถ่าย ไว้มีโอกาศจะทำอยู่เหมือนกันครับ เพราะกลัวไม่ได้ทำนานแล้วจะลืม ส่วนที่มาที่ไปก็ต้องขอขอบคุณร้าน Create Fiber นะครับสำหรับบทความอธิบายวิธีทำคร่าว ๆ ลงในนิตยสาร Tuned By เมื่อหลายเดือนแล้ว ผมไปยืน ๆ อ่านเห็นว่าไม่น่ายาก เลยไปตระเวนหาร้านซื้ออุปกรณ์จนเจอร้าน futurefiber.tripod.com ทางเน็ต แต่ที่นี่เขาเน้นขายเยอะ ๆ ผมเลยไปตระเวนมั่ว ๆ จนเจอร้านเรซิ่นอาร์ตแถวเกษตร จากนั้นก็เลยเป็นลูกค้าประจำไปเลย ชอบจนซื้อหนังสือเกี่ยวกับไฟเบอร์มานั่งอ่าน จนติดใจ จนตอนนี้เล็งจะทำธุรกิจเกี่ยวกับไฟเบอร์เหมือนกัน แต่ไม่เกี่ยวกับรถยนต์นะครับ เป็นด้านอื่น เพราะน่าสนใจดี ใครว่าง ๆ อยากลองทำดูก็เชิญครับ เข้าไปอ่านวิธีอย่างละเอียดที่ futurefiber.tripod.com ดูก็ได้ หรือหาหนังสือเกี่ยวกับไฟเบอร์ เช่น เอฟอาร์พี ฯ จริง ๆ ผมก็เป็นลูกค้าของ Create Fiber เหมือนกัน เอาไปให้ทำลิ้นหน้าและคอนโซลในรถ เห็นร้านอยู่ใกล้บ้าน หมดไปร่วมหมื่น งานดีมาก ทำมานานแล้ว จนตอนหลังสนใจเลยหัดทำดู ชิ้นส่วนที่ผมทำ สังเกตให้ดีว่ามันสามารถถอดได้ โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่รถมาก (เผื่อเบื่อด้วย) ส่วนชิ้นส่วนสำคัญผมก็ให้ร้านทำครับ เพราะฝีมือยังไม่ถึงขั้น
รูปรถครับ ป้ายทะเบียนก็ D.I.Y. เหมือนกัน คือเอาป้ายทะเบียนเดิม ๆ ที่ติดมากับรถตอนซื้อ แงะออก เอาเลื่อยเลื่อยฝาด้านหลัง ให้ได้รูป ตัดออกเป็น 2 ชิ้น แล้วก็งอซะ จากนั้นก็ใช้เลื่อยตัดแต่งให้สวยงาม แล้วก็เอากาวทรีบอร์น (พี่ผมเป็น ผจก. อยู่ ขอโฆษณาให้หน่อย) ติดซะ (สามารถแกะออกภายหลังได้) แค่นี้เองครับ เสียตังค์แค่ค่าเลื่อย แถมเก็บไว้ใช้ได้อีก {} จริง ๆ แต่ก่อนใช้ป้ายทะเบียนยาวครับ แต่โดนจับเป็นว่าเล่น ทั้งจ่าย ณ จุดเกิดเหตุและที่ สน. จนจ่ายไม่ไหว เลยแงะออก แล้วทำใหม่เองซะเลย ตำรวจมองกี่ที ๆ ก็ไม่โดน
อาจจะดูไร้สาระ สำหรับพวกลูกคุณหนูที่นิสัยเสีย ทำไรไม่เป็น แต่ผมว่ามันเป็นความรู้ที่มีประโยชน์มาก สำหรับคนที่ชอบการเรียนรู้ (อาจจะเป็นโทษต่อช่างก็ได้ ถ้าเกิดทุกคนทำเองเป็น) แต่ก็ต้องเหนื่อยมาก รับประกัน เยี่ยมครับ
เบอร์โทร. ร้านเรซิ่นอาร์ตครับ 02-940-5507 จริง ๆ มีร้านขายแถวย่านพรานนกเยอะนะครับ ได้ยินมา แต่ผมไม่รู้จัก เลยไปเสี่ยงไปตระเวน งานที่ลองทำช่วงแรก ๆ อาศัยศึกษาภัณฑ์ครับ ซื้อเรซิ่น ฯลฯ ที่นั่น แต่เค้าขายที่จะนิดครับ ขวดเล็ก ๆ สำหรับเอาไปทำพวกงานหล่อใส งานเคลือบรูป ฯ
มาแว้วครับ!! คนตั้งกระทู้ ต้องขอบคุณ คุณzoomie มากครับ คิดว่าคงเป็นประโยชน์มากสำหรับเพื่อนของเราใน racingweb แห่งนี้ ผมเองเคยใช้ web นี้อยู่นานพอสมควร ช่วงนี้เปลี่ยนไปเล่น offroad แล้ว แต่ก็ยังแวะเวียนมาเรื่อยๆขอบคุณครับ
สำหรับต้นแบบหรือโมลด์ ที่ผมใช้ส่วนมากเป็นกระดาษแข็งครับ เอาแบบหนา ๆ เลย ผมซื้อที่ B2S เซ็นทรัลลาดพร้าว แล้วก็เอากระดาษสติ๊กเกอร์แปะทับเพื่อให้ผิวเรียบมัน แล้วตัดแต่งตามที่ต้องการ เพราะงานผมมันจะออกแนวเรียบ ๆ แบน ๆ ไม่เหมือนพวกบอดี้รถ กันชน กระจังฯ ที่คงต้องใช้โฟมครับ ก็ซื้อที่ร้านเรซิ่นอาร์ตได้อีกเช่นกันครับ เป็นน้ำยาแล้วเอามาผสมกับจะเปลี่ยนสถานะจับตัวกันแล้วกลายเป็นโฟม จากนั้นเราก็เอามีดคัตเตอร์ตัดแต่ง และใช้กระดาษทรายขัดแต่งเอา แต่การใช้โฟมผมก็ยังไม่เคยใช้ครับ เพราะเพิ่งหัดทำ กะว่าจะลองหัดทำดูเร็ว ๆ นี้ แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี เพราะไม่อยากทำอะไรกับรถแล้ว เดี๋ยวเป็นรถลิเกกันพอดี
อ้อ ลืมไป ต้นทุนที่ใช้ค่อนข้างถูก หลายคนคิดว่าทำไมร้านเค้าคิดแพงจัง เค้าต้องคิดค่าอย่างอื่นบวกเข้าไปเยอะครับ เช่น ค่าเช่า ค่าพนักงาน/ลูกจ้าง ค่าอุปกรณ์ที่ดี ทันสมัย และมีประสิทธิภาพกว่า ค่าโฆษณา ค่าๆๆๆๆๆๆ ....... ครับ อ้อ ที่สำคัญค่าไอเดียครับ หลายร้านคิดและออกแบบเองก็มี น่าชื่นชมครับ น่าสนับสนุน และน่าจ่ายเพิ่มอย่างยิ่ง แต่หลายร้านลอกแบบเค้ามา มีดีแค่ฝีมือ อย่างนี้น่าเข้าไปใช้บริการเพราะงานดี แต่ถ้าแพงเกินจะเสียความรู้สึก เราควรสนับสนุนให้คนไทยรู้จักคิดและออกแบบเองมั่ง ไม่ใช่ copy ชาวบ้านเค้าลูกเดียว ต้องเปลี่ยนจากประเทศที่เก่งด้านแรงงานฝีมือเป็นเก่งด้านการคิดและออกแบบให้มากขึ้น จะได้แข่งขันกับชาวบ้านได้เต็มที่ และ charge ราคาแพง ๆ ได้ เหมือนพี่ยุ่น กับพี่กันเค้าเก่ง ๆ กัน
ผมเคยไปเดินสวนลุมไนท์บาซาร์ เห็นเก้าอี้ที่ทำด้วยไฟเบอร์กลาสราคา 25,000 บาท เค้าบอกว่าแพงเพราะค่าไอเดีย ผมประเมินราคาอุปกรณ์บวกค่าแรงดูแล้วไม่น่าเกิน 5,000 บาท ที่เหลือก็ฟันกำไร ทั้ง ๆ ที่ข้าง ๆ ก็มี catalog ของเมืองนอกวางอวดโชว์อยู่........สรุปแล้วแพงเพราะค่าไอเดียคุณ หรือ ไอเดียใคร? บ้านเรามีน้อยมากนะครับที่ผลิตงานไฟเบอร์ (บอดี้รถ) ส่งออก ส่วนมากก็ส่งออกภายใต้แบรนด์ของพี่ยุ่นกะพี่กัน น้อยมากที่ส่งออกภายใต้แบรนด์ไทย อืม......น่าคิด.........